หลังจากที่เมื่อหลายปีก่อน Google ได้ปล่อยทฤษฎี ZMOT (Zero Moment of Truth) ออกมาเขย่าวงการตลาดเกี่ยวกับทฤษฎีการตัดสินใจของผู้บริโภคที่ว่าโลกออนไลน์และ Search Engine เข้าไปมีส่วนสำคัญในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคอย่างไร ใครอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมลองไปหาอ่านกันดูนะครับ : ZMOT
มาวันนี้ Google ได้ทำการปล่อยชุดข้อมูลมาอีกหนึ่งชุด(ซึ่งอาจจะพัฒนากลายเป็นทฤษฎีใหม่) ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคอย่างมีนัยสำคัญเลยทีเดียว นั่นก็คือทฤษฎีที่ว่าด้วย “Micro-Moments” ซึ่งสามารถแบ่งย่อยออกเป็น 4 Moments คือ
1. I-Want-to-know Moments
2. I-want-to-go Moments
3. I-want-to-do Moments
4. I-want-to-buy Moments
มาทำความรู้จักกับแต่ละ Moments กันดีกว่า
1. ช่วงเวลาที่ฉันอยากรู้ (I-want-to-know Moments)
เริ่มกันที่ I-Want-to-know Moments โดย Google บอกว่าคนค้นหาข้อมูลผ่านทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้นถึง 65% และ 66% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนนั้น เล่นมือถือระหว่างที่ดูโทรทัศน์ (ซึ่งเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่หลายคนรู้กันดีอยู่แล้ว)
2. ช่วงเวลาที่ฉันอยากไป (I-want-to-go Moments)
สำหรับช่วงเวลาที่ฉันอยากไปนั้น Google บอกว่าในปีที่ผ่านมาคนทำการค้นหา “Near me” หรือสถานที่ที่ใกล้ๆ เพิ่มมากขึ้นถึง 2 เท่า และที่สำคัญคือ 82% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนใช้ Search Engine ในการค้นหาธุรกิจหรือกิจการในท้องถิ่น
3. ช่วงเวลาที่ฉันอยากทำ (I-want-to-do Moments)
สำหรับช่วงเวลานี้ Google บอกว่า 91% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนนั้นใช้มือถือตัวเองเพื่อค้นหาไอเดียในที่จะทำอะไรซักอย่าง โดยที่มีการค้นหาและดูคลิป “How to” มากกว่า 100 ล้านครั้งบน Youtube!
4. ช่วงเวลาที่ฉันอยากซื้อ (I-want-to-buy Moments)
ช่วง้วลานี้น่าจะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดที่นักการตลาดอยากรู้ เพราะนั่นหมายถึงยอดขายของบริษัทนั่นเอง ฮ่าๆ สำหรับช่วงเวลานี้ Google บอกว่า 82% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนจะค้นหาและปรึกษากับคนบนโลกออนไลน์ว่าจะซื้ออะไรดี ในระหว่างอยู่ที่ Shelf หรือหน้าร้าน ซึ่งมีบทสนทนาผ่านสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นถึง 29% ในปีที่ผ่านมา
ข้อมูลนี้บอกอะไร และนักการตลาดควรปรับตัวอย่างไร?
1. ถ้าธุรกิจคุณไม่ไปอยู่บนสมาร์ทโฟนก็บอกลาได้เลย!
จากที่เราเห็นได้ชัดเจนอยู่แล้วในข้อมูลของ Google ว่าทุกวันนี้ผู้คนใช้สมาร์ทโฟนทุกที่ ทุกเวลา ถ้าเมื่อไหร่ที่คนหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาหาข้อมูลและคุณไม่อยู่ในนั้น ก็เป็นอันบอกลาได้เลย เพราะลูกค้าคงไม่เจอคุณหรอก
2. จงมีทุกอย่างที่ลูกค้าอยากรู้
แค่มีตัวตนบนสมาร์ทโฟนคงไม่พอ แต่ต้องมีตัวตนอย่างมีประโยชน์ด้วย ถ้าลูกค้าอยากรู้ข้อมูลสินค้าคุณต้องมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้ ถ้าลูกค้าอยากไปร้านคุณ คุณต้องมีแผนที่ให้ลูกค้า Get Direction มาหาคุณได้ง่ายๆ
3. จงมี Community ที่สนับสนุนคุณ
อย่างที่เห็นจากข้อมูลว่าแม้ลูกค้าจะไปถึงหน้าร้าน ยืนอยู่หน้า Shelt ก็ยังไม่ตัดสินใจซื้อ จนกว่าจะได้ปรึกษากับคนบนโลกออนไลน์เสียก่อน ซึ่งนั่นแหละเป็นสิ่งที่คุณต้องสร้าง Community ของลูกค้าที่รักคุณ พร้อมจะบอกต่อและเชียร์สินค้าของคุณอยู่ในทุกๆ ที่ของโลกออนไลน์ เพื่อที่วันไหนมีคนเข้าไปปรึกษา พวกเค้าเหล่านั้นจะคอยสนับสนุนคุณเอง
แล้ววันนี้คุณมีสิ่งเหล่านี้แล้วหรือยัง?
—
Source : www.thinkwithgoogle.com