บทเรียนธุรกิจจากความล้มเหลวของ MySpace ที่ผู้บริหารไม่มีวันลืม!

myspace-logo

มีใครรู้จัก MySpcae ไหมครับ?

สำหรับคนที่ไม่รู้จัก ผมขออนุญาตแนะนำคร่าวๆ ว่า Myspace คือ Social Network ในรุ่มเริ่มแรก โดยน่าจะอยู่ในยุคเดียวกันกับ Hi5 แม้ว่าคนไทยจะไม่นิยมมากนัก แต่ยุคนั้นต้องบอกว่า MySpace คือ Social Network ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในช่วงปี 2005-2008  แต่หลังจาก Facebook ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 2008 จำนวนผู้ใช้ Myspace ก็ตกลงอย่างรวดเร็ว แต่แม้จะมีผู้ใช้บริการเบาบางลง แต่ Myspace ก็ยังคงเปิดให้ผู้บริการอยู่ โดยล่าสุดเป็นเว็บที่อยู่ในอันดับ 1,985 จาก Alexa Rank

ในวันนี้ที่ผู้ก่อตั้งอย่าง Chris DeWolfe แหละเหล่าอดีตผู้บริหาร Myspace ได้รวมตัวกันืำบริษัทใหม่อีกครั้งชื่อว่า SGN (Social Gaming Network) เป็นบริษัทที่ผลิตเกมส์อย่าง Cookie Jam, Panda Pop, and Juice Jam (คนไทยอาจไม่คุ้นเท่าไหร่) และจากเงินลงทุนของ Netmarble กว่า 130 ล้านเหรียญ ทำให้ DeWolfe หมายมั่นปั้นมืออย่างยิ่งที่จะขึ้นเป็น Top 5 ในบริษัทเกมส์ให้จงได้ และเพื่อความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เหล่าผู้บริหารต้องไม่เดินซ้ำรอบความผิดพลาดของ MySpace โดยเด็ดขาด

ในวันนี้ที่ผู้ก่อตั้งอย่าง Chris DeWolfe แหละเหล่าอดีตผู้บริหาร Myspace ได้รวมตัวกันืำบริษัทใหม่อีกครั้งชื่อว่า SGN (Social Gaming Network) เป็นบริษัทที่ผลิตเกมส์อย่าง Cookie Jam, Panda Pop, and Juice Jam (คนไทยอาจไม่คุ้นเท่าไหร่) และจากเงินลงทุนของ Netmarble กว่า 130 ล้านเหรียญ ทำให้ DeWolfe หมายมั่นปั้นมืออย่างยิ่งที่จะขึ้นเป็น Top 5 ในบริษัทเกมส์ให้จงได้ และเพื่อความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เหล่าผู้บริหารต้องไม่เดินซ้ำรอบความผิดพลาดของ MySpace โดยเด็ดขาด

ว่าแต่ความผิดพลาดนั้นคืออะไร?

แน่นอนว่าการตกลงของ MySpace นั้นส่วนหนึ่งมาจากการถือกำเนิดขึ้นของ Facebook แต่นั่นเป็นเพียงเหตุผลเดียวจริงๆ หรือ? สิ่งแรกแรกที่ DeWolfe ให้สัมภาษณ์ถึงสิ่งที่เค้าจะทำเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยของ MySpace นั้นไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็รู้อย่าง

“จ้างคนที่เหมาะสมสำหรับตำแหน่งที่เหมาะสม และพยายามทำน้อยให้ได้มาก (Do more with less)” 

โดย DeWolfe ให้สัมภาษณ์ว่า

“สมัยทำ MySpace เค้ามีพนักงานราวๆ 1,500 – 1,600 คน และเมื่อมีไอเดียอะไรใหม่ๆ เค้าก็แค่ “โอเค เราจ้างคนอีก 20 คนเพื่อจะทำบริการ E-mail ดีๆ กัน”  หรือ “โอเค จ้างคนอีก 20 คนเพื่อทำ Craigslist ที่ดีที่สุดกัน” เพราะ MySpace มีผู้ใช้ถึง 130 Monthly Active Users เราเลยทำทุกอย่างที่เราต้องการ มันทำให้เราทำงานในทางกว้างแต่ไม่ลึกพอ ซึ่งตอนนี้เราจะทำแบบโคตรลึกและโฟกัสมากขึ้น นั่นคือสิ่งที่เราคิดอยู่ทุกวัน”

“เข้าถึงและใช้ข้อมูลที่มีมากกว่าในปัจจุบัน” 

“ทุกวันนี้เราทำ A/B Testing (การทดสอบการใช้งานโดยแบ่งผู้ใช้ออกเป็นสองกลุ่ม) เมื่อเทียบกับครั้งก่อนที่เราเอาแต่เดาสุ่มและส่งการร้องขอไปยังทีมดูแล Database มากมาย โดยที่ไม่รู้ว่ามันถูกไหม ใช้งานได้ไหม ดีไหม. ซึ่งการตัดสินในปัจจุบันจะอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลมากขึ้น (Data-driven) ซึ่งมันสนุกมาก ผมไม่เคยจินตนาการได้เลยว่าผมจะสนุกกับข้อมูลได้อย่างไรเมื่อ 10 ก่อน แต่ตอนนี้ผมสนุกมาก!”

เมื่อพิจารณาความสำเร็จและล้มเหลวที่ทีมงานได้เจอมาทั้งหมดแล้ว อะไรคือประสบการณ์ดีๆ ที่ได้มาจาก MySpace บ้าง?

“มันมีอะไรที่คล้ายกันอยู่บ้าง คือเราอุกอาจ ดุดัน และต้องการที่จะชนะ นั้นเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ทำ เรากล้าที่จะเสี่ยงมากกว่าบริษัทอื่นๆ โดยเฉลี่ย” Dewolfe กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม

เราคงต้องจับดูกันต่อไปว่าบทเรียนจาก MySpace จะส่งผลให้ SGN ก้าวขึ้นเป็นบริษัทเกมส์อันดับต้นๆ ของโลกได้หรือไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามบทเรียน 2 ข้อนี้ของ Dewolfe กลับเป็นบทเรียนอย่างพื้นฐานที่สุดแต่กลับเป็นสิ่งที่ผู้บริหารผิดพลาดอยู่บ่อยๆ  ใครจะกระโดดเข้ามาในวงการ Startup จำบทเรียนนี้ไว้ให้มั่นเลย เพราะประสบการณ์ของคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวก่อนนั้น (โดยเฉพาะคนที่ผ่านร้อยมานั้นคือผู้ก่อตั้งอดีต Social Network ที่ใหญ่ที่สุดในโลก) มีค่ายิ่งกว่าสิ่งใดครับ

ทีมผู้บริหาร MySpace, SGN
ทีมผู้บริหาร MySpace, SGN

Source : Business Insider