อย่างที่เรารู้ๆ กันอยู่แล้วว่าสิ่งที่ผลต่อการ Interact ของ Users นั้น นอกจากความน่าสนใจของเนื้อหาแล้ว ยังขึ้นอยู่กับรูปภาพ (แน่นอนว่าคนชอบรูปภาพสวยๆ) เวลาที่โพสท์(ต้องโพสท์ตอนที่มีคนเห็น) และความยาวของคอนเทนท์ (คนส่วนใหญ่ไม่ชอบอ่านหรือทำอะไรยาวๆ) ลองมาดู Infographic ตัวนี้กันครับว่า การโพสท์คอนเทนท์ใน Social Media แต่ละช่องทางนั้น ควรมีความยาวเท่าไหร่กัน โดยเป็นสถิติระดับ Global นะครับ
เค้าเปรียบว่าโลกออนไลน์ก็เหมือนกับสวนสัตว์
โดยความยาวที่เหมาะสมในแต่ละช่องทางก็คือ
– ข้อความที่สั้นกว่า 100 ตัวอักษรบน Twitter จะมี Engagement ดีขึ้น 17%
– โพสท์ Facebook ที่ความยาว 40 ตัวอักษร จะมี Eegagement มากกว่าโพสท์ที่พิมพ์ยาวๆ ถึง 86%
– สำหรับ Google Plus ซึ่งบ้านเราอาจจะไม่ค่อยเล่น จะต้องดึงดูดความสนใจให้ได้ภายในประโยคแรก
– Domain Name (ชื่อเว็บไซต์) ควรมีความยาวไม่เกิน 8 ตัวอักศรเพื่อที่จะจดจำได้ง่าย
– การใช้ Hashtag ก็เป็นคำสั้นๆ ที่ไม่เกิน 6 ตัวอักษร (แต่ข้อนี้คงใช้ไม่ได้กับบ้านเรา เพราะบ้านเราใช้ # เพื่อความสนุกสนนานมากกว่า แต่ถึงอย่างไรก็ตามเพื่อให้คนอื่นเล่มตามได้ง่ายก็ไม่ควรยาวจนเกินไปนัก) และที่สำคัญไม่ควรมีการเว้นวรรคหรือเครื่องหมายใดๆ เพราะอาจสับสนได้
– หัวข้อ E-Mail ที่มีความยาวประมาณ 28-39 ตัวอักษรจะมีค่าเฉลี่ยของอัตราการเปิดอ่านที่ 12.2% และอัตราการคลิก 4% ซึ่งถือว่าดีทีเดียว
– และชื่อบทความไม่ควรเกิน 55 ตัวอักษร เพื่อความกระชับ
หลังจากดูสถิติการนับแบบตัวอักษรไปแล้ว ลองมาดูว่าหากนับเป็นคำ ผลลัพธ์จะเป็นยังไง
คำตอบคือ
– หัวข้อของ Blog ไม่ควรเกิน 6 คำ (ซึ่งผมก็เกิน แต่ช่างมันเหอะ!)
– ส่วนใน LinkIn ถ้าอยากได้แชร์เยอะๆ ให้โพสท์ยาวไม่เกิน 25 คำ
– คน 74% ใช้เวลาในการอ่าน Blog แค่ 3 นาที และ 94% ประมาณ 6 นาที เพราะฉะนั้น Blog ไม่ควรยาวมากนัก (นี่ยาวรึยัง???)
ดูความยาวของเนื้อหาประเภท Text ไปแล้ว ลองไปดูแบบวีดีโอและเสียงกันบ้าง
– วีดีโอที่ได้รับความนิยมบน Youtube ส่วนใหญ่เป็นวีดีโอสั้นๆ ซึ่ง Top 50 มีความยาวเฉลี่ยอยู่ที่ 2 นาที 54 วินาที
– ส่วนการทำ Podcast ก็ไม่ควรเกิน 22 นาที เพราะคนส่วนใหญ่มีสมาธิจดจ่อแค่นั้น
– TED Talk เป็นวีดีโอที่ได้รับการยกเว้ย เพราะคนฟัง TED มักจะสนใจในเรื่องนั้นๆ อยู่แล้ว
– สำหรับคนที่ชอบแชร์ความรู้ผ่าน Slideshare ไม่ควรทำให้เกิน 61 สไลด์ ซึ่งใช้เวลาในการอ่านประมาณ 6 นาที
นี่ผมเอามาให้ดูเฉยๆ ครับ สถิติมีไว้พิจารณา แต่ไม่ได้มีไว้เชื่อแบบ 100% มันอาจจะเข้าได้กับบางแบรนด์ แต่บางแบรนด์ก็ไม่ตรง หรือบางแบรนด์อาจจะดีแค่บางหัวข้อ สำหรับผมวิธีการทำคอนเทนท์ที่ได้ผลที่สุดคือ Learning By Doing ครับ เอาสถิติเป็นพื้นฐานแล้วทดลองและปรับไปเรื่อยๆ จนเจอลักษณะคอนเทนท์ที่เข้ากับแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายของเรามากที่สุดครับ
Source : www.socialmediatoday.com
Infographics แบบเต็มๆ
นักเกรียนตลาด 